รีวิว : First Impression Beyerdynamic DT 1770 PRO ประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับผู้ผลิตเสียงเพลง

รีวิว : First Impression Beyerdynamic DT 1770 PRO ประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับผู้ผลิตเสียงเพลง

#First_Impression #Beyerdynamic #DT1770Pro

!!! หูฟังมอนิเตอร์ 20,000 กว่าบาท ซื้อลำโพงดีกว่า !!!

คำพูดนี้จะถูกพูดจากคนที่ไม่เคยลอง Beyerdynamic DT1770 ซึ่งแน่นอนว่า มันพัฒนามาจากรุ่นยอดฮิตอย่าง Beyerdynamic DT770 Pro ที่ผู้ที่ทำ Audio Production และ Music Production ย่อมรู้จักดีครับ

ด้วยการออกแบบที่ต่อยอดจาก DT1770Pro คือ การเว้นระยะห่างจากหูให้ไกลกว่าเดิมอีกนิดนึง แต่ทำให้เรา สัมผัส Airy ของการเดินทางของเสียงได้ชัดเจนขึ้นจึงมีความโปร่ง และมิติเสียง ที่ไม่ใช่อัดๆ กระพือๆๆๆ อัดเข้าหูเราโดยตรงเกินไป

 

Earpad กำหมะหยี่เหมือบเดิมแต่ทรง Earcup ที่เหมาะกว่าเดิมลดเสียงออกไปรั่วเข้าไมค์ได้ดีกว่า

เอาไปใช้งาน live sound ก็ได้ เพราะ isolation จัดอยู่ในเกณฑ์ดีมากครับ ขนาดอยู่สภาะแวดล้อมที่เสียงดัง ยังช่วยให้เราได้ยินเสียงได้ปกติ ทำงานได้และต้องรู้ว่าทำอะไร

ผมไม่ได้ลองกับการฟังเพลง….ผมลองเอามามิกซ์เพลงเลยครับ กับ Track ดิบๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร

1.ซึ่งสิ่งที่ผมประทับใจครั้งแรก คือ การที่ผมลอง Boost EQ และ Cut EQ ในบางย่าน โดนลองแค่ 1 db สิ่งที่ได้คือ การตอบสนองต่อสัญญาณที่ไวมาก #ไม่น่าเชื่อว่าฟังออกโครตง่าย โดยธรรมชาติส่วนใหญ่หูมนุษย์ จะรับได้ความแตกต่างเมื่อมีความต่างประมาณที่ 3 db ซึ่งหูฟัง Monitor ส่วนใหญ่ถ้าคนทำงาน ด้านนี้อย่างน้อยก็ 2-3 db แหละกับหูฟังmonitor ปกติ แหละถึงจะฟังออก

ซึ่งผมลองบน DAW ( Digital Audio Workstation ) ก็คือโปรแกรมในการใช้ทำงายด้านเสียงโดยผมใช้จากโปรแกรมที่ผมเองก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ อย่าง Cubase ซึ่งตัวผมเองถนัด ProTool มากกว่า แต่ยังไงก็ตามจัดว่าเด็ดมาก

2. Phasing แน่นอนครับเวลาเราอัด Multitrack เข้ามา ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างนั้นทำให่ Phasing ของเสียง ในแต่ละแหล่ง มันไม่ตรงกัน ซึ่งความต่างเสียงไม่กี่ millisecond ก็ทำให้เกิดการหักล้าง เสียงจม เสียงกลวง เนื้อเสียงบางลงได้มากมาย ซึ่ง เราก็สามารถขยับได้ด้วยมือ แต่…..DT1770 สามารถช่วยให่คุณจัดการตรงนี้แบบเป๊ะๆได้เลยครับ เพราะมันแสดงเสียงออกมาได้เว่อร์วังมากครับ สุดท้ายต้องใช้เครื่องจาก Wave มาช่วยคือ InPhase ไม่งั้นตายยยย

3.การจัดการ Stereo Image หรือภาษาชาวหูฟัง เรียกว่า Sound Stage มันมีมากกว่าหูฟังตัวอื่นมากครับ ทิศทางเราทำได้ยันอย่างที่บอก พอมันมี Airy มากขึ้น มามีระยะการเดินทางของเสียงที่ชัดเจนขึ้น เงลาเรามานั่งตั้งค่า Delay Time เพื่อให้เกิด Layer หน้าหลังของเครื่องดนตรี บอกเลย มันฟังออกเป็นชั้นๆเลย

4.การแก้ปัญหาเสียงและจัด dynamic เวลาเราตั้ง gate บอกเลย สุด เราตั้งค่า Attack และ Release เราเห็นความ ในการ Trigger การทำงานของเอฟเฟ็คต่างๆได้ ดีมาก โดยเฉพาะ Compressor ,Limiter และ Noise Gate อะไรก็ตามที่ใช้จัดการ Dynamic
ซึ่งผมใช้จาก VST เดิมของ Cubase และของ Wave ครับ ลองนึกถึงถ้าเป็น Hardware สิ มันจะยิ่งได้อรรถรส ของ Harmonic ที่เกิดจาก Hardware ได้ขนาดไหน…..สุโค่ยยย

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่อยากบอกเลยว่า เสียงมันเป็นยังไง เพราะมันเที่ยงตรงเกิน จนไม่รู้เลยว่า หูฟังมันมีคาราแร็คเจอะยังไง เปลี่ยน Source เปลี่ยนเพลง เปลี่วน Effect มันตามมือเราไปหมดเลย

ซึ่งโอเคมันก็มีข้อเสียตรง ค่า ohm ที่มาเป็น 250 ohm ใครใช้ audio interface ที่ Headphone output กำลังขับต่ำๆ เสียงมันก็จะไม่เต็ม และและบางไปพอควรครับในย่านเสียงกลาง และDeep bass และอาจทำงานไม่ได้ แต่ถ้าใครใช้แอมป์ช่วย หรือ ใช้ Audio Interface ที่กำลังขับดีบอกว่า …… มันคือหูฟังชุดจบ ตัวในฝัน ของคนทำงานด้านเสียงตัวนึงเลย #ไม่ใช่หูฟังเสียงที่เสียงเพราะกับทุกเพลง #แต่มันคือหูฟังที่ทำให้เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรกับเสียงแทรคนี้

ซึ่งอย่างที่ผมบอก ภาพรวมเสียงมันให้ความรู้สึกเหมือนฟังลำโพงครับ ถึฃมันจะไม่ 100% แต่ผมให้ถึง 70% ครับ อีก 30 % คือความละเอียดที่ชัดเกินไปจนแอบไม่เป็นธรรมชาติเล็กๆ แต่นั้นแหละครับ คนที่รักการฟังเสียง และเอามาใช้ทำงานด้าน Sound น่าจะ Happy มากครับ

โดยราคา มัน 20,000 กว่าบาท อาจทำให้เราลังเล ว่าจะซื้อ หูฟัง หรือลำโพงดี แต่ถ้าพื้นที่ไม่อำนวย ผมแนะนำให้ซื้อหูฟังครับ เพราะคุณภาพมันพาผมนึกถึง ลำโพงมอนิเตอร์อย่าง Adam หรือ Genelec เลย

เอาเป็นว่า พูดเยอะละ #อย่าเชื่อทั้งหมด #แวะมาลองครับ

By Hanconic

Photo By Keng Iconic

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *