Housing
Maestro นั้น ใช้ไดร์เวอร์แบบ Balanced Armature ทั้งหมดถึง 12 ตัวต่อข้างด้วยกัน แบ่ง Crossover เป็นแบบ 4 ทาง โดยมี Low 4 , Mid 4 , 2 High , 2 Super High

เห็นสเปคมีไดร์เวอร์ไว้ขับย่าน Super high แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะแหลมเฟี้ยวนะครับ เสียงแหลมถือว่าทำออกมาได้เนียน ฟังสบายมากๆ แต่ไม่อับหรือดาร์คเลย เรียกว่าชัดเจน แต่ปลายเสียงไม่ติดคม ปลายเสียงละเอียดพริ้ว เสียงกีต้าร์โปร่งให้รายละเอียดที่ยอดเยี่ยม มีความกังวาน ฟังแล้วไม่ล้าหูเลยล่ะครับ

ปกติหูฟังให้ให้เสียงเบสกับแหลมมาแบบจัดเต็ม มักจะทำให้เสียงกลางนั้นมีความโดดเด่นลดลง หรือไม่ก็ถอยออกไปบ้าง ดังนั้นการรักษาบาลานซ์ของเสียงที่ดี เราจึงมักได้เสียงกลางที่น่าฟัง จับต้องได้มากขึ้น เสียงร้องของ Maestro นั้นให้มวลที่อิ่มกำลังดี ทำให้นักร้องนั้นได้ขนาดที่สมส่วน ไม่อวบหรือเพรียวบางจนเกินไป ออกโทนอุ่นนิดๆ ทำให้พวกเสียง ส ซ นั้นไม่เสียด หรือมากวนใจเท่าไหร่ครับ นอกจากนั้นยังให้เนื้อเสียงที่เรียบลื่น ต่อเนื่องกัน จนไปถึงการไล่เมโลดี้ขึ้นเสียงสูงที่สมู้ท ไม่โฉ่งฉ่าง ทำให้ฟังแล้วได้ความเป็นธรรมชาติมากๆ

เบสของ Maestro ให้แรงปะทะ รวมถึงความลึกที่ค่อนข้างดี แยกไลน์เบสได้ชัดเจน รวมถึงตำแหน่งที่ปูพื้นหลังเป็นแบ็คกราวน์ที่ฟังออกได้ง่าย ว่าลึกออกไป ไม่ออกมากองรวมกัน

Soundstage ด้านข้างนั้น ทำได้กว้างตามไสตล์ UM อยู่แล้ว และเสริมในด้านลึกที่อัพเกรดขึ้นจากรุ่นน้องอีกด้วยครับ และแยกตำแหน่งชิ้นดนตรีได้เด็ดขาดมากๆอีกรุ่น

จากคาแรคเตอร์โดยรวมทำให้ Maestro ตอบโจทย์การฟังเพลงได้ค่อนข้างหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนว Vocal , Jazz หรือจะเป็นเพลง Pop , Rock ตลาดทั่วไปก็ทำได้ดีครับ

Unique Melody รุ่น Maestro V2 นั้นมีราคาอยู่ที่ 75,300 บาทครับ