KEF : LS50 Wireless
฿75,900.00
- รายละเอียดเพิ่มเติม
- ข้อมูลเพิ่มเติม
- บทวิจารณ์ (0)
รายละเอียดเพิ่มเติม
KEF LS50 Wireless
Mr. Johan Coorg พูดถึงที่มาที่ไปของ KEF LS50 Wireless ว่าลำโพงรุ่นนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จมาจากลำโพง Passive รุ่นฉลองครบรอบ 50 ปีที่ชื่อว่า KEF LS50 ครับ ตรงนี้ผมจะขยายความให้สักนิดครับว่ารหัส LS เป็นชื่อระดับตำนานที่สร้างชื่อให้กับ KEF มาอย่างยาวนาน
ซึ่งลำโพงที่สร้างชื่อและได้รับการยอมรับจน BBC ยกให้เป็นลำโพงมอนิเตอร์ที่มีความเที่ยงตรงที่สุดสำหรับออกอากาศคือ KEF รุ่น LS3/5 ครับ และเมื่อ KEF มีอายุมาถึง 50 ปี เลยฉลองความสำเร็จด้วยการเอารหัส LS มาใช้อีกครั้ง และเลข 50 ที่ตามหลังมาก็คือ 50 ปีที่ KEF ก่อตั้งมา
ซึ่งเมื่อผมได้ยิน Mr. Johan Coorg บอกว่า KEF LS50 Wireless เป็นลำโพงแอคทีฟระดับไฮเอนด์ ผมจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใดเพราะการที่ KEF กล้านำ LS50 ซึ่งเป็นลำโพงรุ่นพิเศษแบบนี้มาทำเป็นลำโพงแอคทีฟผมเชื่อว่า KEF คงไม่ได้ทำออกมาให้มันเป็นเพียงของเล่นอย่างแน่นอน
FIRST IMPRESSION
สำหรับ KEF LS50 Wireless หากมองจากด้านหน้าไกล ๆ ผมว่าคงทำให้หลายคนนึกว่าเป็น KEF LS50 แน่ ๆ แต่เขยิบเข้ามาใกล้สักนิดก็จะเห็นความต่างอย่างชัดเจนเลยละครับ ในจุดแรกคือความลึกของตู้ลำโพง KEF LS50 Wireless ดูจะลึกกว่า KEF LS50 ที่เป็น Passive อยู่พอสมควรแถมมีปิดท้ายด้วยฮีทซิงก์ระบายความร้อนอีกด้วย จุดนี้ก็เพราะว่าพอเป็นลำโพงแอคทีฟภายในตัวลำโพงจึงต้องส่วนอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปด้วย เลยจำเป็นที่จะต้องมีฮีทซิงก์ระบายความร้อนครับ
ซึ่งต้องขอชื่นชมนักออกแบบของ KEF จริง ๆ ที่ออกแบบฮีทซิงก์มาได้สวยงามและดูไม่เป็นส่วนเกินของลำโพงเลย ในส่วนของปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นและ In-Put, Out-Put นั้นจะอยู่ที่ลำโพงแชนแนลขวาทั้งหมดครับ โดยปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นจะอยู่ด้านบนเป็นระบบ Touch Control ตัวจอแสดงผลเป็น OLED ให้แสงที่คมชัดสวยงามดีมากครับ ส่วนด้านหลังก็จะรวม In-Put,Out-Put ไว้ทั้งหมด ส่วนลำโพงแชนแนลซ้ายจะมีแค่ In-Put เดียวคือช่อง RJ45 สำหรับรับสัญญาณที่ส่งมาจากแชนแนลขวาผ่านสาย CAT6 ที่มีให้มาในชุด
โดยรวมต้องบอกเลยว่าสำหรับผม KEF LS50 Wireless มันดูแพงและดูไฮเอนด์กว่า KEF LS50 เสียอีก อาจจะด้วยวัสดุของตู้ลำโพงที่เป็นชนิดเดียวกันทั้งหน้ากากและตัวตู้การทำสีที่เนียนสวยมาก ๆ ให้อารมณ์ประมาณรถซูปเปอร์คาร์เลยทีเดียว ยิ่งสี Titanium Grey/Red ที่ผมได้มาทดสอบนี่ต้องบอกว่าดูพรีเมี่ยมสมราคามาก ๆ ครับ


Spec and Function
จุดเด่นที่ไม่เขียนถึงไม่ได้เลยของลำโพง KEF ทุกรุ่นคงหนีไม่พ้น Uni-Q Driver ซึ่งสำหรับ KEF LS50 Wireless นั้นยกเทคโนโลยี Uni-Q และ Bass reflex มาจาก KEF LS50 ที่เป็น Passive เลยครับ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นเฉพาะของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็น Uni-Q ที่ออกแบบมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ
โดยในส่วนของเสียงแหลมใช้ทวิตเตอร์โดมขนาด 25mm ที่เป็นเทคโนโลยี Tangerine Waveguide คือโครงสร้างของทวิตเตอร์โดมนั้นจะเป็นจีบโลหะแฉก ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มมุมกระจายเสียงย่านความถี่สูง ๆ ได้ดียิ่งขึ้นและตอบสนองย่านความถี่สูงได้มากขึ้นโดยไม่เกิดการเสียรูป ส่วนที่ดอกย่านกลาง/ทุ้ม ตัววัสดุจะเป็น Magnesium/Aluminium ขนาด 130mm ที่มีความแข็งแกร่งแต่นำ้หนักเบา ส่งผลให้การตอบสนองย่านความถี่ต่ำได้ดีแม้จะมีขนาดเล็ก
สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับผมคือแม้ว่าจะต้องมีการออกแบบภายในของตู้ลำโพงใหม่เพราะต้องใส่ภาคอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปแต่ตำแหน่งของ Bass-reflex ยังจัดวางไว้ในตำแหน่งเดียวกับ LS50 ได้อย่างลงตัวและตัวท่อก็ยังคงเป็นทรงรีและใช้วัสดุที่เป็นใยสังเคราะห์ จุดนี้ทาง KEF ก็ไม่ได้มโนขึ้นมาเองนะครับว่าการใช้ท่อทรงรีและสัวดุแบบนี้จะทำให้เสียงออกมาดี แต่ได้มีการวิจัยด้วยระบบ CFD (Computational Fluid Dynamics) เพื่อหาลักษณะของท่อเปิดที่จะปล่อยอากาศออกไปได้อย่างลื่นไหลและลดการรบกวนของมวลอากาศที่อาจจะไปไหลวนอยู่ปลายท่ออย่างละเอียด จนได้เป็นเทคโนโลยีที่นำมาใส่ใน KEF LS50 ทั้งสองรุ่นนั่นเอง
ในส่วนของสเปค KEF LS50 Wireless ดูจะไม่ต่างจาก KEF LS50 Passive รุ่นพี่เท่าไหร่นัก แต่ทีเด็ดของลำโพงคู่นี้อยู่ที่เทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปในลำโพงนี่แหละครับ! ก็แหม่เป็นลำโพงแอคทีฟทั้งที่ก็ต้องโชว์เหนือกันหน่อยสิครับ!

หลักการทำงานของ KEF LS50 Wireless
ก่อนจะโม้ถึงเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ ของลำโพงคู่นี้ผมว่าเรามาทำความเข้าใจหลักการทำงานของ KEF LS50 Wireless กันสักหน่อยดีกว่าครับ KEF LS50 Wireless เป็นลำโพงแอคทีฟที่ทำงานด้วยระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบครับ คือ In-Put ทั้งหมดของKEF LS50 Wireless จะถูกรับมาในรูปแบบดิจิทัลทั้งหมด ถึงแม้จะเป็นการส่งสัญญาณเข้ามาผ่าน In-Put Analog ที่ช่อง RCA ก็จะถูกแปลงสัญญาณให้เป็นดิจิทัลก่อนที่จะส่งต่อไปที่ Digital Signal Processing Crossover ครับ
ดูจากภาพประกอบที่ผมยกตัวอย่างมาจะเห็นว่า In-Put ที่เป็น Digitalทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นจากทาง USB,Optical,Network,Bluetooth หรือทาง RCA (จะถูกแปลงเป็นดิจิทัลก่อน) นั้นจะตรงเข้ามาที่ DSP ของลำโพงแชนแนลขวา ซึ่งใน DSP จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน ส่วนแรกคือ Digital Preamp เมื่อสัญญาณถูกส่งมาถึงจะทำหน้าที่แยกสัญญาณออกเป็นสองแชนแนลคือขวาและซ้าย
ในส่วนของสัญญาณแชนแนลซ้ายจะถูกส่งต่อไปที่ Digital Preamp ของลำโพงแชนแนลซ้ายโดยตรง หลังจากส่วนนี้ลำโพงทั้งสองแชนแนลจะทำงานแยกกันอิสระ โดยส่งต่อสัญญาณจากDigital Preamp ไปที่ User Equalization ที่เราได้ปรับแต่งไว้ ก่อนที่จะออกไปยัง Digital Crossover เพื่อแยกสัญญาณและส่งต่อไปที่ DAC ซึ่งในลำโพงหนึ่งข้างจะมี DAC (Digital to Analog Converter) และ แอมป์ อยู่อย่างละสองตัว คือมี DAC 1 ตัวทำหน้าที่แปลงสัญญาณแล้วส่งไปที่แอมป์สำหรับขับเสียงสูง (HF Amp) และ DAC อีก 1 ตัวทำหน้าที่แปลงสัญญาณแล้วส่งไปที่แอมป์สำหรับขับเสียงย่าน กลาง/ต่ำ (LMF Amp)
ข้อมูลเพิ่มเติม
Color | Black, White, Gold |
---|
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์